ตอนที่ 3 ชุมชนบ้านเขายี่สาร,โรงเรียน,วัดคุ้งตำหนัก,วัดในกลาง
วันนี้ Travel Choice ยังคงอยู่ที่หมู่บ้านเขายี่สารกันค่ะ จากคราวที่แล้ว เมย์ ได้มีโอกาส ไปเรียนรู้การทำถ่านไม้โกงกาง
ที่ถือเป็นอาชีพที่เลี้ยงชาวบ้านเขายี่สารมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เขายี่สาร ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิต
วัฒนธรรม ของชาวเขายี่สาร ก็ทำให้เมย์ได้รู้ว่าเขายี่สารถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือเชิงวัฒนธรรมเลยก็ว่าได้ค่ะ
เพราะได้ทั้งความรู้ ได้สัมผัส และได้เห็นของจริงค่ะ
ตอนนี้ทางโรงเรียนจึงหันมาสอนเด็ก ๆ ทำหุ่นสายกันค่ะ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณครูได้ไปอบรมโครงการ ลด ละ เลิก
ของ สสส. โดยการเอาหุ่นสายมาเป็นสื่อ โดยหุ่นแต่ละตัวน้อง ๆ ก็จะเป็นคนคิดการแต่งตัวกันเอง แถมเขียนบทร้อง เล่น เต้น
กันเองอีกด้วยค่ะ โดยการแสดงหุ่นสายดังกล่าว ก็จะสอดแทรกความรู้เข้าไปในแต่ละเรื่อง ความรู้ ก็จะ แตกต่างกันไป
อย่างตัวของพยาบาลก็จะเป็นหุ่นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องมะเร็งเต้านม วัยรุ่นจี๊ดจ๊าด ก็เป็นเรื่องของการให้ความรู้เกี่ยว
กับการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โกงกางจิ๊กกิ๊ว จิ๊กกิ๊ว ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องป่าโกงกาง รวมไปถึงหุ่นอาเซียนค่ะ คุณครู
บอกว่ากำลังจะเขียนบทแสดง ถึงชาติอาเซียนเพื่อนบ้านที่จะเปิดขึ้นและรวมตัวกันทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม และ วัฒนธรรม
ในอีก 2 ปี ข้างหน้า ว่าแล้ว เมย์ก็เลยให้น้อง ๆ สอนเล่นหุ่นlสายซะหน่อย แต่ก็ไม่ง่ายเลยนะค่ะ น้อง ๆ บอกว่าฝึกตั้งกัน
เป็นเดือนกว่าจะเชิดหุ่นกันได้ เพราะหุ่นแต่ละตัวมีสายทั้งหมด 9 สาย เลยล่ะค่ะ อิริยาบถต่างๆของหุ่นก็แล้วแต่เราจะบังคับ
ท่าทาง อย่างที่น้องๆ แสดงให้ดูก็เป็นท่าดีใจ อาย สวัสดี ว่าแล้วเราก็มาขยับยักย้ายกัมนังสไตล์กันหน่อยค่ะ
เต้นซะสาวเวียดนามถึงกับขาอ่อนเลย ยังไงขอพักก่อนนะค่ะรบกวนเวลาคุณครู ปาริชาติ และน้องๆ พอสมควร เมย์ก็เลย
ขออนุญาตออกมาก่อนค่ะ เพราะน้องๆ มีงานแสดงหุ่นสายที่สาธารณสุขจังหวัดกันต่อค่ะแม้จุดหมาย คือ“บ้านเขายี่สาร”
หมู่บ้านแห่งการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แต่ระหว่างทางล้วนพบเจอเรื่องราวทรงคุณค่าแก่ความทรงจำ
CONTENT 1
ในยุคที่กรุงศรีอยุธยารุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ โดยมีเมืองเพชรเป็นเมืองท่า ทำให้เพรชบุรีมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นมากขึ้นวัดก็มีมากขึ้น
วัดคุ้งตำหนัก ต.คุ้งตำหนัก อ.บ้านแหลม เพชรบุรี ที่มีชื่อเกี่ยวกับวังน้ำวนจนหลายคนร่ำลือกัน ว่าเป็นถิ่นฐานของจระเข้ชุกชม เล่ากันว่าในสมัยอยุธยาตอนปลาย บริเวณนี้เคยมีพลับพลาหรือตำหนักพระเจ้าเสือ ซึ่งพระองค์เสด็จฯ มาประทับทรงเบ็ด
เล่าต่อกันอีกนะคะว่า….บริเวณดังกล่าวมีปลาชุกชุมมาก ดังบันทึกของท่านสุนทรภู่เมื่อครั้งนั่งเรือผ่านบางตะบูนได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
“ถึงที่วังตั้งประทับรับเสด็จ มาทรงเบ็ดปลากระโห้ไม่สังหาร ให้ปล่อยไปในทะเลเอาเพดาน แต่โบราณเรียกว่าองค์พระทรงปลา
สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงนี้ บ้างก็บอกว่าเป็นตำหนักพระเจ้าเสือ บางข้อมูลก็ชี้ชัดไปว่าเป็นพระอุโบสถเดิม จะสังเกตได้จาก มีช่อฟ้า ใบระกา แล้วก็นี่คะ ใบเสมา แต่ก็อย่างที่เห็นดูทรุดโทรมขาดการดูแลรักษา แต่ถ้าหากสถาปัตยกรรมนี้เป็นตำหนักพระเจ้าเสือ ในมุมมองของเมย์จะทำให้เมย์นึกเปรียบเทียบกับตำหนักพระเจ้าเสืออีกแห่งหนึ่งค่ะ
วัดคุ้งตำหนักนอกจากจะเป็นวัดที่พระเจ้าเสือ เสด็จฯ มาประทับทรงเบ็ด หรือแม้แต่ขึ้นชื่อในเรื่องของวังน้ำวนและจระเข้ชุกชุมแล้วนะค่ะ ที่วัดนี้ยังถือได้ว่าเป็นวัดที่รวมชาวไทยเชื้อสายมอญที่อพยพเข้ามาตั้งรกราก ในเพชรบุรีอีกด้วยค่ะ ส่วนที่อพยพเข้ามานั้นมีสาเหตุมาจากการทำศึกสงครามที่เกิดการเกณฑ์ผู้คนมาใช้ แรงงานและพัฒนาประเทศ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ความรักในบ้านที่อยู่ทำให้ ชาวมอญไม่ย้ายถิ่นไปที่ใด ในเพชรบุรี ชาวไทยเชื้อสายมอญที่อาศัยอยู่เป็นำจนวนมากก็ได้แก่ ชุมชนวัดคุ้งตำหนักแห่งนี้ค่ะ และรวมไปถึงในเขตบางครก-บางตะบูน อำเภอบ้านแหลม มาถึงชุมชนมอญทั้งทีก็ต้องให้ชาวมอญแท้ๆ สอนภาษามอญกันซะหน่อยค่ะ น้องจาคีหนุ่มน้อยแห่งวัดคุ้งตำหนัก ก็ได้สอนเมย์พูด สวัสดี เป็นภาษามอญค่ะ ซึ่งชาวมอญจะพูด กันว่า เมียะ เง่อ ระ อาว ส่วนคำว่า สบายดี ก็จะพูดกันว่า มังจิเมย ส่วนคำว่าพี่คนสวยน้องก็สอนว่า…………….ตามนั้นล่ะค่ะ น้องจาคีเรียนอยู่ที่วัดปากคลอง อายุ 8 ขวบแล้วค่ะ เมย์เลยให้น้องลองพูดว่า สวัสดีครับที่นี่วัดคุ้งตำหนักครับ น้องก็พูดได้คล่องไม่มีเขินอายเลยค่ะ ใครที่ไปวัดคุ้งตำหนักมโอกาสได้เจอน้องจาคีก็อย่าลืมทักทายเป็นภาษามอญกันนะค่ะ
เมย์ตามร่องรอยประวัติศาสตร์สมัยอยุธยามาจนถึงที่นี่ค่ะ
วัดในกลาง เป็นวัดเก่าแก่มีอายุไม่น้อยกว่า 250 ปี เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระมารดาซึ่งเป็นคนบ้านแหลมค่ะ
สถาปัตยกรรมเด่นของวัดในกลางก็คือ ศาลาการเปรียณหลังนี้ค่ะ สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังได้รับการบูรณะโดยถอดชิ้นส่วนเดิมมาซ่อมแซม แล้วประกอบขึ้นมาใหม่ตามแบบเดิม สันนิษฐานว่า แต่เดิมเป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนจากอยุธยามาปลูกสร้างที่วัดในกลาง