สำหรับวิถีชีวิตในปัจจุบันของคนเรานั้น ต้องเรียกได้ว่ามีสิ่งกระตุ้น หรือสิ่งเร้ามากมาย ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมเอามากๆ เช่น จากที่เคยนอนแต่หัวค่ำ หลังจากการทำงานในแต่ละวัน ก็เปลี่ยนเป็นนอนดึกมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ การพักผ่อนน้อย ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายอย่าง เช่น สมองพักผ่อนไม่พอ ทำให้สามารถทำงานได้ไม่เต็มที่ ดวงตาดำช้ำ ตลอดจนปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ดังนั้น สำหรับคนที่นอนน้อย วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่เหมาะกับการรับประทาน
กล้วยเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่ายมากที่สุดประเภทหนึ่งในบ้านเรา เพราะกล้วยนั้นเป็นผลไม้เมืองร้อน ที่ปลูกง่ายได้ทุกพื้นที่ของประเทศ กล้วยที่ปลูกในประเทศไทยนั้นมีหลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยตานี แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นกล้วยแบบไหน ก็ล้วยแล้วแต่มีประโยชน์กับร่างกายทั้งนั้น นอกจากนั้นแล้ว คนไทยยังมักนำเอากล้วยมาแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่างๆ เช่น กล้วยบวดชี กล้วยตาก กล้วยฉาบ เป็นต้น กล้วว
โรคหัวใจ เป็นภาวะของโรคที่พบเห็นได้บ่อยมากในปัจจุบัน เพราะลักษณะนิสัย การดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมของคนเรา คือเน้นการทำงานบนโต๊ะ หรือในออฟฟิศมากขึ้น แต่กลับกินอาหารที่มีพลังงานสูงเข้าไปในแต่ละมื้อแทน โดยเน้นความรวดเร็วแทน หรือที่เรียกกันว่า ฟาสต์ ฟู้ด ดังนั้นคนเราในปัจจุบัน จึงมักจะมีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจสูงมาก อาการของโรคหัวใจเมื่อเกิดขึ้น จะส่งผลเสียกับร่างกาย เช่น เหนื่อยง่าย เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ซึ่งอาจร้ายแรงจนทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ความเครียด เป็นภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ที่มักเกิดขึ้นกับร่างกายของคนเรา ในยามที่เกิดความทุกข์ ความไม่สมหวัง ซึ่งนอกจากความเครียด จะส่งผลเสียต่อจิตใจ เช่น ทำให้ไม่ร่าเริง ไม่มีความสุขแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกาย และความเจ็บป่วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โรคไม่เกรน โรคซึมเศร้า โรคกะเพาะอาหาร ฯลฯ ดังนั้น หากเกิดความเครียดขึ้นกับเราแล้ว
สตรอเบอรี่ เป็นผลไม้ในวงศ์กุหลาบ มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม แต่เดิมนั้นถูกใช้เพื่อปลูกคลุมดิน ต่อมาได้มีการนำเอาผลสตรอเบอรี่มารับประทานเป็นอาหาร และแปรรูปเป็นของกินอื่นๆ อีกหลากหลายชนิด สตรอเบอรี่ ที่นิยมปลูก คือสตรอเบอรี่สวน ซึ่งจะให้ผลที่ดก แดง และรสชาติดีมากกว่าพันธุ์อื่นๆ รสชาติของสตรอเบอรรี่ จะมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว นิยมกินสด หรือแปรรูปเป็นอาหารอื่นๆ เช่น แยม ของหวาน
ทัศนคติเกี่ยวกับความพิการ – ผู้พิการ โดยปกติสังคมและตัวคนพิการเอง จะมองความพิการเป็น 2 แบบ แบบแรกมองว่าความพิการเป็นเวรเป็นกรรมน่าสงสาร และควรจะได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลืออย่างเดียว แบบที่สองมองคนพิการเป็นทรัพยากรสำคัญ เป็นมนุษย์คนหนึ่งของสังคมที่เราต้องลงทุนเพื่อพัฒนาให้มีศักยภาพ ปัจจุบันนี้ยังมีการมองแบบแรกกันเป็นส่วนใหญ่ หน้าที่ต่อไปของทุกภาคส่วนรวมทั้งคนพิการเองด้วยที่จะต้องปรับมุมมองจากแบบที่หนึ่งมาเป็นแบบที่สองมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าแบบใดแบบหนึ่งถูกหรือผิด เพราะยังมีคนพิการซ้ำซ้อน(คือพิการหลายประเภทในตัว) ก็ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่คนพิการจำนวนมากหรือส่วนใหญ่ด้วยซ้ำในสังคมไทยที่มีศักยภาพต้องรับการพัฒนา เป็นทุนในการพัฒนา มุมมองแบบที่สองถือว่าคนพิการเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของชาติบ้านเมืองไม่ควรมองข้าม ทุกฝ่ายต้องช่วยกันพัฒนา